ไรฝุ่น เป็นสิ่งมีชีวิตที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ได้เมื่อสัมผัสหรือสูดหายใจเข้าไป ซึ่งแหล่งที่ไรฝุ่นอาศัยอยู่มากเป็นพิเศษนั้นก็คือที่นอน หมอน ผ้าห่มหรือวัสดุที่มีการยัดนุ่นและใยต่าง ๆ โดยรวมแล้วก็เป็นเครื่องใช้ที่อยู่ในห้องนอนทั้งหมด การจัดและดูแลห้องนอนไม่ให้เป็นเป็นแหล่งสะสมของไรฝุ่นนั้นจึงจำเป็นมากไม่ใช่แค่สำหรับผู้ป่วยภูมิแพ้เท่านั้น แต่ทุกคนก็สามารถ จัดห้องนอนปลอดไรฝุ่น ได้โดยไม่ต้องรอให้ป่วยก่อน บทความนี้ BEEclean จะมาบอกวิธีทำความสะอาดจัดห้องนอนอย่างไรไม่ให้เป็นแหล่งสะสมไรฝุ่น
1. ของยิ่งน้อยชิ้น ฝุ่นในห้องยิ่งน้อยลง
ข้อนี้อาจจะไม่ถูกใจนักสะสมตัวยง ที่ชื่นชอบการสะสมของเท่าไหร่นัก แต่หากผู้อ่านเป็นโรคภูมิแพ้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะย้ายของสะสมเหล่านี้ไปไว้ในห้องอื่น ๆ เพราะห้องนอนที่มีของใช้ ของตกแต่งมากชิ้นก็จะมีจุดสะสมฝุ่นมากขึ้น ภายในห้องนอนจึงควรมีเฉพาะเครื่องใช้ที่จำเป็นต่อการนอนเท่านั้น
2.จัดห้องให้โปร่งโล่ง ไร้มุมอับ
การจัดห้องนอนให้ดูโปร่งโล่งสบายย่อมทำให้อากาศถ่ายเทสะดวกและดีต่อการหายใจ เมื่อไม่มีมุมอับก็จะทำให้การทำความสะอาดเป็นเรื่องง่าย ไม่มีฝุ่นสะสม โดยบนพื้นนั้นควรจะจัดให้โล่งที่สุด ไม่ควรมีของวางแอบอยู่ตามใต้โต๊ะหรือซอกต่าง ๆ นอกจากนี้การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่สามารถทำความสะอาดพื้นด้านล่างได้ง่ายก็เป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้เหมือนกัน
3.เก็บของให้เรียบร้อยในพื้นที่ปิดมิดชิด
สำหรับเสื้อผ้าและของใช้ต่าง ๆ ที่อยู่ในห้องนอนนั้นก็ควรจะต้องมีที่เก็บเป็นสัดส่วนให้มิดชิด ไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บเข้า ตู้ ลิ้นชัก หรือกล่อง แน่นอนว่านี่เป็นการเคลียร์พื้นที่ภายในห้องให้ทำความสะอาดง่ายและอีกอย่างก็เป็นการจำกัดพื้นที่ให้วัสดุต่าง ๆ ที่สามารถสะสมไรฝุ่นได้อยู่ภายในพื้นที่ปิด เพื่อไม่ให้ไรฝุ่นเกิดการฟุ้งกระจายและปะปนอยู่กับอากาศภายในห้อง
4.ใช้ผ้าคลุมที่ช่วยกันไรฝุ่นโดยเฉพาะ
ส่วนที่สำคัญและใกล้ชิดกับเรามากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นเครื่องนอนแต่ละชิ้น ทั้งที่นอน หมอน ผ้านวมและหมอนข้าง ซึ่งภายในแต่ละชิ้นนั้นก็มีการยัดด้วยนุ่น ใยสังเคราะห์หรือฟองน้ำ โดยแต่ละอย่างก็เป็นวัสดุที่สะสมไรฝุ่น การป้องกันไม่ให้ตัวไรฝุ่นรวมทั้งมูลของมันฟุ้งกระจายออกก็คือการใช้ผ้าคลุมที่ช่วยกันไรฝุ่นได้เฉพาะปูรองในชั้นแรก ก่อนจะปูทับตามด้วยผ้าปูที่นอนหรือปลอกหมอนตามปกติอีกชั้น ซึ่งผ้าปูกันไรฝุ่นนี้จะผลิตมาจากผ้า พลาสติกหรือวัสดุต่าง ๆ ที่ผ่านการทออย่างแน่นหนาจนรูผ้าเล็กกว่าตัวและมูลของไรฝุ่น ทำให้ไรฝุ่นไม่สามารถเล็ดลอดออกมาสัมผัสกับผิวหรือเข้าไปพร้อมกับการสูดหายใจได้
5.เตียงนอนแบบต่างๆก็สำคัญ
อาจจะเรียกได้ว่า เป็นปัญหาของคนเลือกซื้อเตียงนอนก็ว่าได้ จะเลือกแบบใต้เตียงปิดทึบหรือแบบโปร่งดี ซึ่งเตียงนอนทั้ง 2 ลักษณะ มีข้อดี ข้อเสียที่แตกต่างกัน กรณีเตียงปิดทึบ จะเหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการทำความสะอาดบ่อยนัก ฐานเตียงนอนจะช่วยปิดกั้น ป้องกันไม่ให้ฝุ่นเข้าไปสะสมใต้เตียง แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไปนานนับปี ก็ไม่อาจรอดพ้นจากไร่ฝุ่นได้ และยากที่จะทำความสะอาด
6. ขจัดความชื้นในห้องนอน
ความชื้นเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของไรฝุ่น และยังนำมาซึ่งเชื้อรา ซึ่งเป็นหนึ่งที่มาของการเกิดภูมิแพ้ได้เช่นกัน จึงไม่ควรตากผ้าชื้น ๆ ในห้องนอน รอบห้องต้องมีช่องแสงอย่างเพียงพอ เพื่อช่วยให้ระบายอากาศและรับแสงธรรมชาติทำได้ดีขึ้น
7. ติดเครื่องปรับอากาศ ช่วยควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น
เครื่องปรับอากาศช่วยลดระดับความชื้นและอุณหภูมิห้อง ซึ่งมีส่วนลดการเติบโตของตัวไรฝุ่นได้ เนื่องจากสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของไรฝุ่น แต่ควรติดให้ถูกทิศทาง เช่น ไม่ควรติดตรงข้ามเตียง หรือตรงกับตำแหน่งการนอนมากเกินไป เพราะหากผิวโดนลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศเป็นเวลานาน จะส่งผลให้ร่างกายเจ็บป่วย ผิวแห้ง ระคายเคืองตา เกิดอาการภูมิแพ้ได้ง่าย จึงควรติดตั้งในตำแหน่งที่ลมไม่กระทบกับผู้นอนโดยตรงเท่านั้น
8. เปิดหน้าต่างทุก ๆ เช้า ให้อากาศถ่ายเท รับแสง
แสงแดดที่มาจากธรรมชาติทุก ๆ เช้าหลังจากตื่นนอนเป็นสิ่งที่ดีมาก ควรเปิดม่าน เปิดหน้าต่างให้กลายเป็นกิจวัตรประจำวัน เพื่อให้แสงแดดและอากาศจากภายนอกถ่ายเทเข้าสู่ภายในห้อง แสงแดดจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เกิดไรฝุ่น และอากาศที่หมุนเวียนจะช่วยให้ภายในปลอดโปร่ง สดชื่นมากยิ่งขึ้น
9. ดูดฝุ่น เช็ดถู ซักชุดเครื่องนอนให้ถูกวิธี
การจัดห้อง เลือกใช้วัสดุและของใช้ต่าง ๆ เป็นองค์ประกอบหลักที่ช่วยลดอัตราการเกิดไรฝุ่น แต่อย่างไรก็ตามยังจำเป็นที่จะต้องหมั่นทำความสะอาด ดูดฝุ่น เช็ดถูอยู่เสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง โดยห้องนอนผู้เป็นภูมิแพ้จะเหมาะกับการดูดฝุ่นมากกว่าการปัดกวาด เพราะการดูดฝุ่นจะช่วยป้องกันการฟุ้งกระจายได้ดีกว่าการปัดกวาดทั่วไป
ส่วนชุดเครื่องนอนให้หมั่นนำมาตากแดด ตากนานติดต่อกันประมาณ 5 ชั่วโมง จะทำให้ลดสภาวะการฟักตัวของไข่ไรฝุ่น อย่างไรก็ตามการซักชุดเครื่องนอนตามปกติทั่วไป เป็นเพียงการกำจัดไรฝุ่นและซากไรฝุ่นได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถฆ่าไรฝุ่นได้ เคล็ดลับในการซักแบบฆ่าไรฝุ่นคือ การใช้ความร้อนเข้าช่วย มีขั้นตอนง่าย ๆ เริ่มจากการรีดชุดเครื่องนอนทุกชิ้นก่อน จากนั้นนำไปแช่ในน้ำร้อนอุณหภูมิ 100 องศา ประมาณ 30 นาที แล้วซักด้วยผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารฆ่าไรฝุ่น
10. ดูดไรฝุ่นออกจากที่นอน ด้วยเครื่องดูดไรฝุ่น
โดยปกติตัวไรฝุ่นจะมีขนาดเล็กมาก มีขาถึง 8 ขา ทำให้การยึดเกาะกับเส้นใยยากต่อการกำจัดด้วยวิธีพื้นฐานทั่วไป จำเป็นต้องใช้เครื่องดูดไรฝุ่นโดยเฉพาะซึ่งปัจจุบันมีวางจำหน่าย หลายรุ่น หลายราคา ขึ้นอยู่กับคุณภาพในการกำจัดไรฝุ่น หรือเลือกใช้บริการจากมืออาชีพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดไรฝุ่นได้ดียิ่งขึ้น
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงวิธีเบื้องต้นในการกำจัดไรฝุ่นในห้องนอน หากไม่อยากเสียเวลาหรือไม่มีเวลาว่าง เรียกแม่บ้าน BEEclean ทั้งสะอาด สะดวก และปลอดภัย และประหยัดเวลาได้มากขึ้นนะคะ